Pete Ongsuwan

แนะนำพันธุ์ไม้ Alocasia wentii เวนติไอ

แนะนำพันธุ์ไม้ Alocasia wentii เวนติไอ

Alocasia wentii (อโลคาเซีย เวนติไอ)

ไม้ใบสวยเขตร้อน 🌏 มีใบรูปทรงหัวใจหน้าใบสีเขียวเป็นมันเงา 💚 ลักษณะใบแผ่กว้าง ใต้ใบมีสีบร๊อนซ์อมแดงม่วง 🤎 ขนาดของต้นจะใกล้เคียงกับแก้วสารพัดนึก ความสูงเมื่อโตเต็มที่อาจสูงได้ถึง 60 ซม.(ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมที่ปลูกเลี้ยง) ด้วยขนาดที่ไม่ใหญ่มากจึงเหมาะกับการปลูกเลี้ยงเพื่อตกแต่งบ้านและอาคาร 🏡 ชอบแสงสว่างแบบรำไร ⛅️ เลี้ยงง่าย รดน้ำไม่บ่อย เพียงสัปดาห์ละ 2 ครั้ง

ข้อมูลเบื้องต้น การดูแลรักษา

  • แสงสว่าง ☀️ : ชอบที่ๆมีแสงสว่างค่อนข้างมากแต่ไม่ควรโดนแดดจัดโดยตรงเป็นเวลานานเนื่องจากจะทำให้ใบไหม้แดดได้ สามารถวางบริเวณระเบียงหรือริมหน้าต่างที่รับแดดช่วงเช้าหรือช่วงบ่ายได้บ้าง
  • อุณหภูมิ 🌡: 13-30 C. และควรหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีอุณหภูมิมากกว่า 35 C
  • น้ำ 💧 : ชอบความชื้นแต่ไม่ชอบแฉะ รดน้ำ 2 ครั้งต่อสัปดาห์ (รดน้ำเมื่อผิวหน้าดินด้านบน 1-2 นิ้วเริ่มแห้ง) ควรระวังอย่าปล่อยให้ดินทั้งกระถางแห้งจนเกินไปและหลีกเลี่ยงน้ำขังที่บริเวณจานรองกระถางเพื่อป้องกันรากเน่า
  • ความชื้น 💦 : เติบโตได้ดีที่ความชื้นในอากาศประมาณ 60% สามารถปลูกในห้องครัว ห้องน้ำ หรือในสวนร่วมกับต้นไม้อื่นๆเพื่ออิงความชื้นกันจะทำให้ต้นไม้แข็งแรงสมบูรณ์ และมีใบที่เงางามค่ะ หากเราปลูกในบ้าน อาจช่วยเพิ่มความชื้นรอบต้นได้ด้วยการวางบนจานรองกระถางที่ใส่เม็ดดินเผาและน้ำไว้ หรือวางไว้ใกล้กับเครื่องทำความชื้นค่ะ
  • ปุ๋ย 📋: สามารถให้ปุ๋ยชนิดเม็ดละลายช้าทุก 3 เดือน และให้ปุ๋ยสูตรเสมอชนิดผสมน้ำแบบเจือจางโดยลดปริมาณปุ๋ยจากอัตราส่วนหน้าฉลากลงครึ่งหนึ่ง รดลงที่ดินปลูกเดือนละครั้งค่ะ
  • วัสดุปลูก 🪵 : ควรเลือกใช้วัสดุปลูกที่มีส่วนผสมที่ช่วยเพิ่มความโปร่งและเก็บความชื้นได้ดียกตัวอย่างเช่น เปลือกไม้ กาบมะพร้าวสับ เม็ดดินเผา เพอไลท์เมล็ดหยาบ และพีทมอส

ข้อควรรู้

  • อโลคาเซียมักมีช่วงพักตัว ในระหว่างนั้นใบจะซีดเหลืองและหลุดร่วงไป(ทิ้งใบ) ซึ่งไม่ต้องตกใจ ในช่วงพักตัวต้นอโลคาเซียจะมีความต้องการน้ำที่ลดลง ให้ผู้เลี้ยงเปลี่ยนการรดน้ำมาเป็นรดเมื่อพบว่าดินแห้งแทนค่ะ
  • พืชชนิดนี้สามารถก่ออาการระคายเคืองต่อผิวหนังและดวงตาได้ และเป็นไม้ที่เป็นพิษอ่อนๆหากรับประทานเข้าไป ผู้ปลูกเลี้ยงที่มีเด็กและสัตว์เลี้ยงจึงควรระมัดระวังค่ะ
  • เนื่องจากเป็นพืชที่ชอบแสงสว่างจึงอาจมีอาการเอนเข้าหาแสงหากปลูกเลี้ยงภายในบ้าน ซึ่งสามารถแก้ไขได้โดยการหมั่นหมุนกระถางทุกครั้งที่เรารดน้ำเพื่อให้ด้านอื่นๆได้รับแสงอย่างทั่วถึงค่ะ
  • หากพบว่าอโลคาเซียที่เราปลูกเลี้ยงมีใบเหลืองหรือไหม้ โดยไม่ทราบสาเหตุ ผู้ปลูกเลี้ยงสามารถศึกษาข้อมูลได้จากลิงค์นี้ https://www.kaset32farm.com/article/plant-care/alocasia-turning-yellow เพื่อเป็นแนวทางในการแก้ไขค่ะ

แชร์หน้านี้
Posted by Pete Ongsuwan in การดูแลต้นไม้
แนะนำพันธุ์ไม้ Alocasia ‘Pink Dragon’

แนะนำพันธุ์ไม้ Alocasia ‘Pink Dragon’

Alocasia baginda 'Pink Dragon' (อโลคาเซีย พิ้งค์ ดรากอน)

ไม้ใบฟอกอากาศสำหรับคนรักสีชมพู 💓ใครเห็นเป็นต้องหลงรัก
💖🐲 Alocasia Pink Dragon 🐲💖 (อโลคาเซีย พิ้งค์ ดรากอน) ***** แก้วสารพัดนึกก้านชมพู *****

ไม้ใบในตระกูลอโลคาเซีย 🌱 ที่มีใบกลมรีปลายแหลม มีสีเขียวเข้มมันเงา มีเส้นใบเป็นสีเงิน และมีก้านเป็นสีชมพู มีขนาดของที่กระทัดรัด ไม่ใหญ่มาก ความสูงของต้นใกล้เคียงกับแก้วสารพัดนึก (นักปลูกชาวไทยบางท่านเรียกไม้ชนิดนี้ว่า อโลคาเซียก้านชมพู หรือ แก้วสารพัดนึกก้านชมพู)

เป็นไม้ที่ชอบแสงสว่างแบบรำไร 🌥 ไม่ต้องการแดดจัดหรือแสงแดดโดยตรง และชอบเครื่องปลูกที่มีความชื้นอยู่เสมอแต่ต้องไม่แฉะจนเกินไป 💦

ข้อมูลเบื้องต้น การดูแลรักษา

  • แสงสว่าง ☀️ : ชอบแสงรำไร ชอบความสว่างแต่ไม่ต้องการแดดจัด และไม่ต้องการรับแสงแดดโดยตรง
  • อุณหภูมิ 🌡 : 18 – 29 C.
  • น้ำ 💧 : สามารถรดน้ำทีละน้อยแต่รดบ่อยๆทุกๆ 1-2 วันเพื่อรักษาความชื้นของวัสดุปลูกอยู่เสมอ อย่าปล่อยให้วัสดุปลูกแห้งจนเกินไปเป็นเวลานาน และหลีกเลี่ยงน้ำขังที่บริเวณจานรองกระถางเพื่อป้องกันรากเน่าค่ะ
  • ความชื้น 💦 : เนื่องจากเป็นไม้ที่ชอบความชื้น การปลูกในห้องน้ำ หรือในสวนร่วมกับต้นไม้อื่นๆเพื่ออิงความชื้นกันจะทำให้ต้นไม้แข็งแรงสมบูรณ์ค่ะ แต่หากเราปลูกในบ้าน อาจช่วยเพิ่มความชื้นรอบต้นได้ด้วยการวางบนจานรองกระถางที่ใส่เม็ดดินเผาและน้ำไว้ หรือวางไว้ใกล้กับเครื่องทำความชื้นค่ะ
  • ปุ๋ย 🌱 : สามารถให้ปุ๋ยเม็ดละลายช้าเดือนละ 1 ครั้ง
  • วัสดุปลูก 🪵 : เลือกวัสดุปลูกที่สามารถเก็บความชื้นแต่ยังสามารถระบายน้ำได้ดีเพื่อป้องกันรากเน่า

ข้อควรรู้

  • อโลคาเซียมักมีช่วงพักตัว ในระหว่างนั้นใบจะซีดเหลืองและหลุดร่วงไป(ทิ้งใบ) ซึ่งไม่ต้องตกใจ ในช่วงพักตัวต้นอโลคาเซียจะมีความต้องการน้ำที่ลดลง ให้ผู้เลี้ยงเปลี่ยนการรดน้ำมาเป็นรดเมื่อพบว่าดินแห้งแทนค่ะ
  • พืชชนิดนี้สามารถก่ออาการระคายเคืองต่อผิวหนังและดวงตาได้ และเป็นไม้ที่เป็นพิษอ่อนๆหากรับประทานเข้าไป ผู้ปลูกเลี้ยงที่มีเด็กและสัตว์เลี้ยงจึงควรระมัดระวังค่ะ

แชร์หน้านี้
Posted by Pete Ongsuwan in การดูแลต้นไม้
โค้ดส่วนลดช๊อปปี้ ~ มิถุนายน 2564

โค้ดส่วนลดช๊อปปี้ ~ มิถุนายน 2564

โค้ดส่วนลดช๊อปปี้ ประจำเดือนมิถุนายน 2564

แจกกกก 😍 โค้ดส่วนลดช๊อปปี้เดือนมิถุนายน 👍🏻👍🏻👍🏻
  • 👍🏻 ลดพิเศษ 30 บาท 🚛 เมื่อช๊อปขั้นต่ำ 200 บาท
  • ➡️ พิมพ์ : KASEYNUAA
  • 🥰 วิธีการกดรับโค้ดอยู่ในภาพด้านล่างนะคะ 🥰
เข้าชมร้านค้าและเลือกซื้อได้ที่นี่ ⬇️
ใครที่ยังลังเลอยู่ รีบใช้นะคะ โค้ดมีจำนวนจำกัดค่ะ
(โค้ดสำหรับสินค้าจากร้านค้าของ สวนเกษตร 32 เท่านั้น)
————————————————————————
😍รับประกันสินค้าคุณภาพ ไม่สวยเราไม่กล้าขาย🥳
📸รูปภาพ ถ่ายจากสถานที่ปลูกจริงทุกรูป📸
📦แพคบรรจุอย่างดี ไม่มีเสียหาย จัดส่งรวดเร็ว📦

แชร์หน้านี้
Posted by Pete Ongsuwan in ข่าวสาร
แนะนำพันธุ์ไม้ Colocasia esculenta ‘Hilo Beauty’

แนะนำพันธุ์ไม้ Colocasia esculenta ‘Hilo Beauty’

Colocasia esculenta 'Hilo Beauty' (บอนเสือพราน)

บอนเสือพราน (Colocasia ‘Hilo Beauty’) เป็นไม้จำพวกบอน (Colocasia esculenta) มีถิ่นกำเนิดดั่งเดิมจากเขตเอเชียใต้ไปจนถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ใบมีสีสันสดใสสลับลายด้วยสีเขียวอ่อนและสีเหลืองคล้ายกับชุดลายพรางของทหาร ความยาวของใบเมื่อโตเต็มที่สามารถยาวได้ถึง 40 ซม. และความสูงของต้นเมื่อโตเต็มที่ 60-90 ซม. (ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม) ชอบแสงแบบรำไร สามารถวางไว้ตามชานบ้านหรือในบ้านบริเวณใกล้หน้าต่าง

ข้อมูลเบื้องต้น การดูแลรักษา

  • แสงสว่าง ☀️ : ชอบสภาพแวดล้อมที่สว่างเนื่องจากแสงสว่างจะทำให้ใบของบอนเสือพรานมีสีสันที่สดใส อย่างไรก็ตามควรหลีกเลี่ยงแดดจัดโดยตรง เพราะอาจทำให้ใบไหม้ได้ค่ะ
  • อุณหภูมิ 🌡: 18 – 30 องศาเซลเซียส (C)
  • การให้น้ำ 💧 : ชอบความชื้นแต่ไม่ชอบแฉะ รดน้ำ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ (รดน้ำเมื่อผิวหน้าดินแห้ง) หลีกเลี่ยงน้ำขังที่บริเวณจานรองกระถางเพื่อป้องกันรากเน่า
  • ความชื้น 💦 : เป็นไม้ที่ชอบความชื้นในอากาศประมาณ 65 – 75% สามารถปลูกในห้องครัว ห้องน้ำ หรือในสวนร่วมกับต้นไม้อื่นๆเพื่ออิงความชื้นกันจะทำให้ต้นไม้แข็งแรงสมบูรณ์ และมีใบที่เงางามค่ะ หากเราปลูกในบ้าน อาจช่วยเพิ่มความชื้นรอบต้นได้ด้วยการวางบนจานรองกระถางที่ใส่เม็ดดินเผาและน้ำไว้ หรือวางไว้ใกล้กับเครื่องทำความชื้นค่ะ
  • ปุ๋ย 🌱 : สามารถให้ปุ๋ยชนิดเม็ดละลายช้าทุก 3 เดือน และให้ปุ๋ยชนิดผสมน้ำรดลงที่ดินปลูกทุกๆ 2-3 สัปดาห์ (ควรระวังไม่ให้ปุ๋ยโดนใบเพื่อป้องกันใบไหม้จากสารเคมี)
  • วัสดุปลูก 🪵 : ควรเลือกใช้วัสดุปลูกที่โปร่งและเก็บความชื้นได้ดียกตัวอย่างเช่น เปลือกไม้ เพอไลท์เมล็ดหยาบ และพีทมอส

ข้อควรรู้

  • พืชชนิดนี้สามารถก่ออาการระคายเคืองต่อระบบทางเดินอาหารหากรับประทานเข้าไป ผู้ปลูกเลี้ยงที่มีเด็กและสัตว์เลี้ยงจึงควรระมัดระวังค่ะ

แชร์หน้านี้
Posted by Pete Ongsuwan in การดูแลต้นไม้
แนะนำพันธุ์ไม้ Alocasia macrorrhiza ‘Stingray’

แนะนำพันธุ์ไม้ Alocasia macrorrhiza ‘Stingray’

Alocasia macrorrhiza 'Stingray' (อโลคาเซีย หางกระเบน)

Alocasia Stingray เป็นไม้ใบที่ช่วยฟอกอากาศ มีถิ่นกำเนิดมาจากแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งเป็นเขตร้อนชื้น มีใบที่มีลักษณะสวยสง่าและโดดเด่น ใบมีรูปทรงกลมและมีปลายแหลมยาวลักษณะคล้ายปลากระเบน มีความสูงเมื่อโตเต็มที่ประมาณ 1-1.2 เมตร เป็นไม้ที่ไม่ต้องการการดูแลมาก ชอบความชื้นแต่ไม่ชอบแฉะ ชอบแสงรำไรค่อนไปทางสว่างแต่ไม่ชอบแดดจัด

ข้อมูลเบื้องต้น การดูแลรักษา

แสงสว่าง ☀️ : ชอบแสงรำไร ชอบความสว่างแต่ไม่ต้องการแดดจัด และไม่ต้องการรับแสงแดดโดยตรง
อุณหภูมิ 🌡: 18 – 22 องศาเซลเซียส (C)
การให้น้ำ 💧 : สามารถรดน้ำทีละน้อยแต่รดบ่อยๆทุกๆ 1-2 วันเพื่อรักษาความชื้นของวัสดุปลูกอยู่เสมอ อย่าปล่อยให้วัสดุปลูกแห้งจนเกินไปเป็นเวลานาน และหลีกเลี่ยงน้ำขังที่บริเวณจานรองกระถางเพื่อป้องกันรากเน่าค่ะ
ความชื้น 💦 : เนื่องจากเป็นไม้ที่ชอบความชื้น การปลูกในห้องน้ำ หรือในสวนร่วมกับต้นไม้อื่นๆเพื่ออิงความชื้นกันจะทำให้ต้นไม้แข็งแรงสมบูรณ์ค่ะ แต่หากเราปลูกในบ้าน อาจช่วยเพิ่มความชื้นรอบต้นได้ด้วยการวางบนจานรองกระถางที่ใส่เม็ดดินเผาและน้ำไว้ หรือวางไว้ใกล้กับเครื่องทำความชื้นค่ะ
ปุ๋ย 🌱 : สามารถให้ปุ๋ยเม็ดละลายช้าเดือนละ 1 ครั้ง
วัสดุปลูก 🪵 : เลือกวัสดุปลูกที่สามารถเก็บความชื้นแต่ยังสามารถระบายน้ำได้ดี

ข้อควรรู้

  • พืชในกลุ่มอโลคาเซีย มักมีช่วงพักตัว ในระหว่างนั้นใบจะซีดเหลืองและหลุดร่วงไป(ทิ้งใบ) ซึ่งไม่ต้องตกใจ ในช่วงพักตัวต้นอโลคาเซียจะมีความต้องการน้ำที่ลดลง ให้ผู้เลี้ยงเปลี่ยนการรดน้ำมาเป็นรดเมื่อพบว่าดินแห้งแทนค่ะ
  • อโลคาเซียหางกระเบน สามารถก่ออาการระคายเคืองต่อผิวหนังและดวงตาได้ และเป็นไม้ที่เป็นพิษหากรับประทานเข้าไป ผู้ปลูกเลี้ยงที่มีเด็กและสัตว์เลี้ยงจึงควรระมัดระวังค่ะ

แชร์หน้านี้
Posted by Pete Ongsuwan in การดูแลต้นไม้
การดูแล ไฮเดรนเยีย (Hydrangea Growing Guide)

การดูแล ไฮเดรนเยีย (Hydrangea Growing Guide)

ไฮเดรนเยีย (Hydrangea macrophylla) เป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมในพื้นที่เอเซียตะวันออก (ญี่ปุ่น จีน เกาหลี) ก่อนที่จะแพร่กระจายออกไปในพื้นที่อื่นๆทั่วโลกทั้งในทวีปยุโรปและอเมริกา โดยธรรมชาติเป็นไม้พุ่มที่อาจมีความสูงได้ถึง 2 เมตร แต่ในปัจจุบันได้มีการพัฒนาสายพันธุ์ให้มีขนาดที่กระทัดรัด เพื่อให้สามารถปลูกเลี้ยงเป็นไม้กระถางได้เหมาะสมยิ่งขึ้น

ผลิตภัณฑ์ไม้กระถางไฮเดรนเยีย โดย สวนเกษตร 32 ใช้สายพันธุ์ที่พัฒนาเพื่อใช้เป็นไม้กระถางโดยเฉพาะ จึงมีขนาดต้นที่เหมาะสมสำหรับการตกแต่งภายในอาคารหรือบริเวณที่มีพื้นที่จำกัด

ไฮเดรนเยีย

เน้นแสงร่มรำไร

  • ปลูกเลี้ยงในบริเวณที่มีแสงร่มรำไร
  • อาจจะโดนแดดส่องโดยตรงได้บ้าง แต่ไม่ควรให้ถูกแดดจัดเป็นเวลานาน
  • Grow in the shade without prolonged direct sunlight

ปลูกเลี้ยงได้ในช่วงอุณหภูมิที่กว้างขึ้น

  • ไฮเดรนเยีย จาก สวนเกษตร 32 เป็นสายพันธุ์ที่สามารถปลูกได้ในเขตอากาศอบอุ่น
  • อุณหภูมิที่เหมาะสม: 20~30 °C
  • ความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศ: ประมาณ 70%
  • Recommended Temperature: 20~30 °C (68~86 °F)
  • Relative Humidity: Approx. 70%

การให้ปุ๋ย ไฮเดรนเยีย

  • หากต้องการให้ปุ๋ย อาจให้ทุกๆ 1-2 เดือน/ครั้ง
  • ชนิดของปุ๋ย ควรใช้เป็นปุ๋ยเม็ดละลายช้า
  • ข้อมูล/ปริมาณการใช้ปุ๋ย สามารถศึกษาได้จากบนฉลากของปุ๋ยที่ใช้
  • Fertilize the plant once every a month or two
  • Slow-release fertilizer is preferred
  • Apply with the amount recommended by your selected fertilizers

การรดน้ำ ไฮเดรนเยีย

  • ควรรดน้าวันละ 1 ครั้ง (ปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม)
  • ไม่ควรปล่อยให้วัสดุปลูกแห้งสนิทจนเกินไป
  • Water the plant once a day (adaptable, subjected to climate condition)
  • Growing media must not be completely dry between watering

ข้อแนะนำอื่นๆ

  • ห้ามปล่อยให้มีน้าขังในจานรองกระถาง (ควรเทน้ำส่วนเกินในจานรองออกทุกครั้ง หลังการรดน้ำ)
  • ในระหว่างการรดน้ำ ควรระวังอย่าให้ดอกไม้เปียกน้ำ
  • หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อสวนฯได้ที่ LINE ID: @kaset32farm
  • Never let residue water sit in the saucer after watering
  • Please be careful not to wet the flowers during watering
  • Feel free to let us know, if you have any further inquiry: Contact Us

แชร์หน้านี้
Posted by Pete Ongsuwan in การดูแลต้นไม้
เปิดแล้ว บ้านและสวนแฟร์ 2021

เปิดแล้ว บ้านและสวนแฟร์ 2021

พบกับ สวนเกษตร 32 ได้ที่ งานบ้านและสวน (บ้านและสวนแฟร์)
ไบเทค บางนา, บูท B9-B10 / วันที่ 17-21 มีนาคม 2564

เริ่มแล้ววันนี้ สวนเกษตร 32 ร่วมออกบูทที่ งานบ้านและสวน (บ้านและสวนแฟร์ 2021) ระหว่างวันที่ 17 ถึง 21 มีนาคม 2564 ที่ ไบเทค บางนา (Hall: EH,  Booth: B9-B10)

ในส่วนบูทของ สวนเกษตร 32 พบกับธีมร้านดอกไม้ฮอลแลนด์ และ ไม้ดอกไม้ประดับสวยๆ ที่ทางสวนฯขนส่งจากเชียงรายมาขายในงานนี้โดยตรง

ทางสวนฯจะทะยอยนำรูปบรรยากาศในงานมาลงให้ชมกันเรื่อยๆจ้า


แชร์หน้านี้
Posted by Pete Ongsuwan in ข่าวสาร
การดูแลต้นไม้ในฤดูร้อน

การดูแลต้นไม้ในฤดูร้อน

รดน้ำเมื่อใด ควรรดน้ำเมื่อพบว่าวัสดุปลูกหรือดินเริ่มแห้ง สำหรับไม้กระถาง หากพบว่าวัสดูปลูกยังชุ่มและหนักอยู่ ก็อาจจะเว้นการรดน้ำไปก่อนได้

รดน้ำเวลาไหน ควรรดน้ำช่วงเช้าหรือเย็น หรือในช่วงที่อากาศไม่ร้อนจนเกินไป หากใช้สายยางรดน้ำควรให้แน่ใจว่าน้ำที่ค้างอยู่ในสายยางไม่ร้อน (เช่นกรณีที่สายยางตากแดดมาทั้งวัน) หรืออาจจะเปิดไล่น้ำที่ค้างอยู่ในสายยางออกไปก่อนก็ได้ โดยทั่วไปอาจรดน้ำวันละครั้ง แต่หากพบว่าถ้าวัสดุปลูกหรือดินแห้งมากๆ อาจรดวันละ 2 ครั้งเช้าและเย็น

รดน้ำอย่างไร ควรรดรอบโคนต้นไม้ให้ชุ่มและรดพุ่มใบ ด้วยเพื่อให้ใบพืชซึมซับน้ำ เข้าทาง ปากใบ และลดการคายน้ำ อย่างไรก็ตามกรณีที่เป็นไม้ดอกควรระมัดระวังไม่ให้น้ำไปโดนส่วนของดอกไม้ หลังรดน้ำสายยางควรม้วนเก็บให้เรียบร้อย ไม่ควรวางทับสนามหญ้า เพราะนอกจาก จะดูไม่เรียบร้อย น้ำที่ค้างอยู่ในสายยางที่ตากแดดจัดจะร้อนทำให้หญ้าตายได้

จานรองกระถาง ไม่ควรปล่อยให้มีน้ำขังที่จานรองตลอดเวลา เพราะอาจจะทำให้รากเน่าได้

การใส่ปุ๋ย สำหรับปุ๋ยเม็ดแนะนำให้ใช้ปุ๋ยละลายช้า อย่าให้เม็ดปุ๋ยติดค้างอยู่ที่ใบและยอด เพราะจะทำให้เกิดอาการใบไหม้ได้ หรืออาจจะให้ปุ๋ยก่อนรดน้ำก็ได้ สำหรับการใส่ปุ๋ยทางใบและฉีดยาฆ่าแมลง ไม่ควรฉีดพ่นในขณะที่อากาศร้อนจัด จะทำให้ใบไหม้และไม่ได้ประโยชน์เต็มที่ เพราะในช่วงที่อากาศร้อน ปากใบพืชจะปิดเพื่อลดการคายน้ำ

การพรวนดิน พรวนดินให้ร่วนซุยเป็นประจำ เพื่อให้ดินโปร่งและมีช่องว่างในเนื้อดินเพื่อดูดซับน้ำ และช่วยให้น้ำซึมซับลงในดินในระดับที่ลึกกว่าปกติ ถ้าดินแห้งเกินไปอาจใช้วัสดุปลูกมาคลุมแปลงหรือโคนต้น ช่วยดูดซับน้ำ เช่น ขุยมะพร้าว/กาบมะพร้าวสับ เป็นต้น

การตัดแต่งกิ่ง สำหรับไม้ใหญ่ที่ปลูกกลางแจ้ง อาจตัดแต่งกิ่งกระโดง กิ่งเป็นโรค และกิ่งที่ไม่มีความจำเป็น เพื่อลดการคายน้ำของพืช


แชร์หน้านี้
Posted by Pete Ongsuwan in การดูแลต้นไม้
พีทมอส คืออะไร

พีทมอส คืออะไร

เชื่อว่านักปลูกหลายๆท่านรู้จักและคุ้นเคยกับวัสดุปลูกประเภท “พีทมอส” มาบ้างไม่มากก็น้อย และคงเคยเห็น พีทมอส ผ่านตามาแล้วบ้างจากร้านขายต้นไม้หรือร้านค้าจำหน่ายอุปกรณ์การเกษตร แต่สำหรับนักปลูกมือใหม่บางท่านอาจจะยังไม่รู้จักวัสดุปลูกที่เป็นที่นิยมนี้ สวนเกษตร 32 จึงขอนำข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับ พีทมอส มาฝากกันในบทความนี้

พีทมอส พักพบได้บริเวณพื้นที่ๆมีน้ำท่วมขัง

Image Credits: wikimedia.org, Boréal

อะไรคือ พีทมอส?

พีทมอส (Peat Moss) คือวัสดุที่เกิดจากการย่อยสลายของซากมอส (Sphagnum spp.) และซากพืชที่ทับถมกันมานานนับพันปี มีลักษณะเป็นสีน้ำตาลอ่อนไปจนถึงดำ เนื้อโปร่ง น้ำหนักเบา สะอาด ปราศจากวัชพืช ปลอดเชื้อโรคและเชื้อรา มีคุณสมบัติสามารถรักษาความชื้นได้ดี และมีความเป็นกรดโดยธรรมชาติ (pH 3.0 – 4.0) นอกเหนือจากการนำไปใช้ผลิตเป็นวัสดุปลูกพืชแล้ว พีทมอส ยังถูกนำไปเผาเป็นเชื้อเพลิงได้อีกด้วย

พีทมอส มักพบในบริเวณพื้นที่ๆมีน้ำท่วมขัง ซึ่งมักจะต้องขุดคูเพื่อระบายน้ำบริเวณชั้นผิวหน้าออกไปก่อน จากนั้นจึงขุดพีทมอสขึ้นมาใช้มางานโดยขูดส่วนที่แห้งบริเวณผิวหน้าออกมาก่อน สีของพีทมอสจะบอกได้ถึงอายุและคุณลักษณะทางกายภาพที่แตกต่างกันออกไป โดยทั่วไปแล้วจะแบ่งออกได้เป็นสามกลุ่มดังต่อไปนี้

  • White Peat (สีน้ำตาลอ่อน) เป็นพีทที่มีอายุการทับถมน้อย มักพบชั้นบนของบ่อ ลักษณะเนื้อโดยธรรมชาติจะยังมีความหยาบ มักใช้เป็นส่วนประกอบหลักของการผลิตวัสดุปลูก
  • Brown Peat (สีน้ำตาล) เป็นพีทที่พบที่ความลึกบริเวณกลางบ่อขุด มีลักษณะทางกายภาพอยู่กึ่งกลางระหว่าง White Peat และ Black Peat โดยยังพอสังเกตุเห็นเส้นใยมอสในเนื้อวัสดุได้อยู่บ้าง
  • Black Peat (สีน้ำตาลเข้ม-ดำ) เป็นพีทที่พบในบริเวณส่วนที่ลึกลงไป มีสีน้ำตาลเข้มจนถึงดำ เนื้อมีความละเอียดสูง เมื่อเปียกน้ำจะเก็บความชื้นไว้ได้นาน แต่การระบายอากาศจะไม่ดีด้วยความหนาแน่นของตัววัสดุ

วัสดุปลูกพีทมอส Greenterra (250-L)

วัสดุปลูกพีทมอส Greenterra (70-L)

การนำพีทมอสมาใช้เป็นวัสดุปลูกพืช

วัสดุปลูกพีทมอส (Peat Moss Substrate) คือการนำเอาพีทมอสมาทำการปรับปรุงให้เหมาะกับการนำไปใช้ปลูกพืช ซึ่งส่วนประกอบหลักมักจะเป็น White Peat เนื่องจากมีความโปร่งและการระบายน้ำที่เหมาะสมกับการปลูกพืชโดยทั่วไป (หรือวัสดุปลูกฯบางสูตรอาจมีการผสม Brown-Black Peat ลงไปด้วยเพื่อเพิ่มคุณลักษณะการเก็บรักษาความชื้น)

การปรับปรุงวัสดุปลูกพีทมอส จะมีองค์ประกอบหลักดังต่อไปนี้

  • คัดแบ่งความละเอียดออกเป็นหลายๆช่วง (ตามลักษณะการนำไปใช้งาน เช่น ชนิดละเอียด (Fine) สำหรับเพาะเมล็ด หรือชนิดกึ่งหยาบ (Semi-Coarse) สำหรับเพาะปลูกไม้กระถางโดยทั่วไป) เป็นต้น
  • ปรับค่าความเป็นกรด-ด่างให้เหมาะกับพืชที่จะปลูก แต่โดยทั่วไปมักจะอยู่ในช่วง pH 5.5 – 6.5
  • เพิ่มปุ๋ยลงไปในส่วนผสม เนื่องจากโดยธรรมชาติของพีทมอสที่ขุดขึ้นมาใหม่จะมีธาตุอาหารในตัววัสดุค่อนข้างต่ำ
  • เติมสารที่ช่วยในการดูดซับน้ำของวัสดุปลูก (Wetting Agent) เนื่องจากเมื่อพีทมอสแห้งสนิทมักจะหดตัวทำให้ซึมซับน้ำได้ไม่ค่อยดี (โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่ม Black Peat) แต่เมื่อเปียกชื้นแล้วคุณลักษณะก็จะกลับมาเป็นปกติ ดังนั้นข้อสำคัญอย่างหนึ่งของการใช้วัสดุปลูกพีทมอสก็คือ ไม่ควรปล่อยให้วัสดุปลูกแห้งสนิทมากเกินไป

จะเห็นได้ว่าเราสามารถใช้ประโยชน์จาก พีทมอส ได้หลากหลายด้าน ทั้งการนำไปใช้เพาะเมล็ด การใช้เป็นวัสดุเพาะปลูกพืช หรือนำไปเป็นส่วนผสมกับวัสดุปลูกอื่นๆ (เช่น ขุยมะพร้าว เพอร์ไลต์ เวอมิคูไลต์ หรือแม้กระทั่งดิน เป็นต้น) เพื่อเพิ่มคุณสมบัติที่ดีให้กับวัสดุปลูก และเพื่อให้เหมาะกับการนำไปใช้ปลูกพืชแต่ละชนิดที่แตกต่างกัน


วัสดุปลูกพีทมอส Greenterra G4
ความละเอียด 0-7 ม.ม.

วัสดุปลูกพีทมอส Greenterra G5
ความละเอียด 5-20 ม.ม.

สวนเกษตร 32 เป็นตัวแทนนำเข้าและจำหน่ายวัสดุปลูกพีทมอส Greenterra ซึ่งเป็นชนิดเดียวกันกับที่ “สวนเกษตร 32” ใช้ในการปลูกไม้กระถางทุกชนิด

คลิกที่นี่ (PDF)  หากต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติม เกี่ยวกับวัสดุปลูกที่มีจำหน่ายโดย สวนเกษตร 32

เรียนแจ้งว่าราคาสินค้าในแต่ละประเภทอาจมีการปรับเปลี่ยนตามช่วงโปรโมชั่น และราคาต้นทุนของสินค้าในแต่ละล๊อต


แชร์หน้านี้
Posted by Pete Ongsuwan in วัสดุปลูกพืช
การดูแลไม้กระถางเบื้องต้น

การดูแลไม้กระถางเบื้องต้น

พืชทุกชนิด แม้ว่าจะต้องการ น้ำ แร่ธาตุ แสง และก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ ในการสังเคราะแสงเหมือนๆกัน อย่างไรก็ตาม พืชแต่ละชนิด ก็มีรายละเอียดปลีกย่อยที่ต่างกัน ในการปลูกเลี้ยง และดูแลรักษา ผู้ปลูกทุกท่าน อาจใช้ข้อมูลดังต่อไปนี้ เป็นแนวทางหลัก ในการเลี้ยงดูไม้ดอก ไม้ประดับ เพื่อให้พันธุ์ไม้ของท่าน มีความสมบูรณ์แข็งแรงอยู่เสมอ


หน้าวัว (Anthurium)

  • แนะนำให้ใช้เครื่องปลูกร่วนโปร่ง เช่น
    พีทมอสหยาบ กาบมะพร้าวสับ เป็นต้น
  • ต้องการแสงร่ม-รำไร ควรพรางแสงประมาณ 50-60% RH
  • ความชื้นปานกลาง รดน้ำวันละครั้ง หรือวันเว้นวัน (ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ และความชื้นในวัสดุปลูก)
  • ไม่ควรปล่อยให้มีน้ำขังในจานรองกระถาง
  • หากต้องการให้ปุ๋ย ใช้ปุ๋ยเม็ดละลายช้า สูตร 17-17-17 ในปริมาณ 1-2 กรัม ทุก 1-2 เดือน (กระถาง 7 นิ้ว)

บีโกเนีย (Begonia)

  • เครื่องปลูก ควรเป็นวัสดุร่วนโปร่ง ระบายน้ำได้ดี
  • ต้องการแสงร่ม-รำไร ไม่ควรให้ถูกแสงแดดโดยตรง
  • ควรรดน้ำวันเว้นวัน (ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ และความชื้นในวัสดุปลูก)
  • อย่าปล่อยให้มีน้ำขังในจานรองกระถาง
  • หากต้องการให้ปุ๋ย อาจใช้หลักดังต่อไปนี้
  • รดด้วยปุ๋ยเกร็ดสูตร 20-20-20 (ละลายน้ำในอัตรา ปุ๋ย 1 กรัม ต่อ น้ำ 1 ลิตร) สัปดาห์ละครั้ง
  • หรือ ใช้ปุ๋ยเม็ดละลายช้า สูตร 17-17-17 ในปริมาณ 1 กรัม ทุก 1-2 เดือน

ไซคลาเมน (Cyclamen)

  • เครื่องปลูก ควรเป็นวัสดุร่วนโปร่ง ระบายน้ำได้ดี
  • ต้องการแสงร่ม-รำไร ควรพรางแสงประมาณ 50-60%
  • ควรรดน้ำวันเว้นวัน (ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ และความชื้นในวัสดุปลูก)
  • การรดน้ำ ไม่ควรให้ดินแฉะ เนื่องจากรากและหัวจะเน่า และไม่ควรรดน้ำโดนบริเวณดอกและใบ
  • อย่าปล่อยให้มีน้ำขังในจานรองกระถาง

พืชตระกูลเฟิร์น (Ferns)

  • เครื่องปลูก ควรเป็นวัสดุร่วนโปร่ง ระบายน้ำได้ดี
  • ต้องการแสงร่ม-รำไร ไม่ควรให้ถูกแสงแดดโดยตรง
  • ควรรดน้ำวันละครั้ง หรือวันเว้นวัน ไม่ควรรดจนแฉะ
  • ไม่ควรปล่อยให้มีน้ำขังในจานรองกระถาง
  • หากต้องการให้ปุ๋ย สำหรับกระถางขนาด 5 นิ้ว อาจใช้หลักดังต่อไปนี้
  • รดด้วยปุ๋ยเกร็ดสูตร 20-20-20 (ละลายน้ำในอัตรา ปุ๋ย 1 กรัม ต่อ น้ำ 1 ลิตร) สัปดาห์ละครั้ง
  • หรือ ใช้ปุ๋ยเม็ดละลายช้า สูตร 17-17-17 ในปริมาณ 1 กรัม ทุก 1-2 เดือน

พืชตระกูลคล้า (Calathea, Ctenanthe, Maranta)

  • เครื่องปลูก ควรเป็นวัสดุร่วนโปร่ง ระบายน้ำได้ดี
  • ต้องการแสงร่ม-รำไร
  • ควรรดน้ำวันละครั้ง วันเว้นวัน ไม่ควรรดจนแฉะ
  • ไม่ควรปล่อยให้มีน้ำขังในจานรองกระถาง
  • การให้ปุ๋ย สามารถใช้หลักเช่นเดียวกับพืชตระกูลเฟิร์น

พืชตระกูลอโลคาเซีย, โคโลคาเซีย (Alocasia, Colocasia)

  • เครื่องปลูก ควรเป็นวัสดุร่วนโปร่ง ระบายน้ำได้ดี
  • ต้องการแสงร่ม-รำไร
  • ความชื้นปานกลาง ไม่ควรให้แฉะมาก
  • ไม่ควรปล่อยให้มีน้ำขังในจานรองกระถาง
  • อุณหภูมิที่เหมาะสม ประมาณ 20-35 องศาเซลเซียส
  • การให้ปุ๋ย สามารถใช้หลักเช่นเดียวกับพืชตระกูลเฟิร์น

รายละเอียดข้างต้นเป็นเพียงแนวทางในการดูแล ซึ่งอาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยนตามสภาพแวดล้อมที่ต้นไม้อาศัยอยู่
ดังนั้นสิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งก็คือ ผู้ปลูกต้องหมั่นสังเกตุอาการของไม้กระถางไปด้วย
เช่น หากเป็นช่วงที่ฝนตกบ่อย ความชื้นในอากาศสูง วัสดุปลูกยังชื้นอยู่ ก็อาจงดการรดน้ำไปก่อนได้ค่ะ

นอกจากไม้กระถางตามรายการข้างต้นแล้ว
สามารถอ่านบทความเกี่ยวกับการดูแลไม้กระถางอื่นๆได้จาก Tag นี้ค่ะ
https://www.kaset32farm.com/tag/การดูแลไม้กระถาง/


แชร์หน้านี้
Posted by Pete Ongsuwan in การดูแลต้นไม้