Ornusa Ongsuwan

ทำไม… อโลคาเซีย (Alocasia) ถึงใบเหลือง !?

ทำไม… อโลคาเซีย (Alocasia) ถึงใบเหลือง !?

เกี่ยวกับพืชในกลุ่ม อโลคาเซีย

พืชในกลุ่มอโลคาเซียเป็นไม้ที่พบได้ในธรรมชาติแถบเอเชียและออสเตรเลีย มักขึ้นในป่าดิบชื้นหรือตามริมแหล่งน้ำ เป็นพืชที่มีลักษณะและลวดลายของใบที่สวยงาม โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ยกตัวอย่างพืชกลุ่มอโลคาเซีย อาทิเช่น แก้วสารพัดนึก (Alocasia amazonica ‘Dwarf’) อโลคาเซียม้าลาย (Alocasia ‘Zebrina’) อโลคาเซียหูช้าง (Alocasia ‘Sarian’) อโลคาเซียหางกระเบน (Alocasia ‘Stingray’) เป็นต้น

ด้วยความสวยงามนี้จึงครองใจนักปลูกไม้ใบหลายๆท่าน อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าเราจะดูแลเป็นอย่างดีแต่เราก็มักพบว่าพืชตระกูลนี้มักจะมีอาการใบเหลืองอยู่เป็นประจำ ในบทความนี้เราจะมาอธิบายถึงสาเหตุที่ใบเปลี่ยนเป็นสีเหลืองในพืชกลุ่มอโลคาเซียกันค่ะ

1. อายุของใบ

สาเหตุอันดับต้นๆของอาการใบเหลืองโดยทั่วๆไปคือการผลัดใบแก่ทิ้งไปตามธรรมชาติ ซึ่งเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นตามปกติเมื่อต้นไม้มีอายุมากขึ้น และไม่ใช่ความผิดปกติแต่อย่างใดค่ะ

2. การได้รับน้ำที่มากเกินไป

อาการใบเหลืองในพืชกลุ่มอโลคาเซียโดยส่วนใหญ่มักมาจากการได้รับน้ำที่มากเกินไป ถึงแม้ว่าอโลคาเซียจะเป็นพืชที่ชอบความชื้นแต่หากเรารดน้ำมากเกินไปจนวัสดุปลูกชื้นแฉะและมีน้ำขังก็อาจทำให้รากเน่าได้ ซึ่งการที่ใบกลายเป็นสีเหลือง-น้ำตาลกระจายไปทั่วใบเป็นอาการบ่งชี้ในระยะเริ่มต้นของโรครากเน่า หากปล่อยไว้จนอาการลุกลามอาจทำให้ต้นไม้ของเราตายได้ค่ะ

ข้อแนะนำ : ควรผสมวัสดุปลูกที่ช่วยเพิ่มความโปร่งให้กับดิน เช่น เพอร์ไลท์, หินภูเขาไฟ และเลือกปลูกในกระถางหรือภาชนะที่มีรูระบายน้ำอย่างเพียงพอ และหมั่นเทน้ำขังในจานรองทิ้งทุกครั้งหลังรดน้ำค่ะ

3. ความชื้นในอากาศที่ไม่เพียงพอ

อโลคาเซียเป็นพืชที่เติบโตได้ดีท่ามกลางความชื้นในอากาศประมาณ 60%-70% ดังนั้นการปลูกเลี้ยงอโลคาเซียในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นต่ำ(น้อยกว่า 50%) อาจเป็นสาเหตุของใบหมอง ไม่เงางามได้ค่ะ

ข้อแนะนำ : เราอาจเปลี่ยนตำแหน่งที่วางต้นอโลคาเซียไปยังที่ๆมีความชื้นเช่น ห้องน้ำ ห้องครัว(ควรคำนึงถึงแสงสว่างในสถานที่นั้นๆด้วยนะคะ) หรืออาจวางไว้ใกล้กับเครื่องพ่นไอน้ำเพื่อเพิ่มความชื้น และอีกวิธีหนึ่งที่สามารถทำได้คือการวางกระถางบนจานรองที่มีเม็ดดินเผาหล่อน้ำไว้(ระดับของน้ำจะต้องไม่สูงไปกว่าเม็ดดินเผา) เพื่อให้น้ำระเหยขึ้นมาเพิ่มความชื้นให้กับต้นอโลคาเซียของเราค่ะ

4. แสงสว่าง

แสงสว่างเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลักที่ทำให้ใบของพืชในกลุ่มอโลคาเซียเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ถึงแม้ว่าอโลคาเซียจะถูกจัดอยู่ในกลุ่มของพืชที่ชอบแสงแบบรำไรเนื่องจากตามธรรมชาติแล้วเป็นพืชที่เติบโตภายในร่มเงาของต้นไม้ชนิดอื่นๆในป่า แต่การปลูกเลี้ยงภายในบ้านที่มีแสงสว่างไม่เพียงพอก็มักจะทำให้อโลคาเซียใบเหลืองได้ อย่างไรก็ตามหากเราพบว่าอโลคาเซียที่เราเลี้ยงใบซีด หมอง ดูไม่สดใส หรือเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเหลืองเราสามารถแก้ไขได้โดยย้ายต้นอโลคาเซียไปวางใกล้กับหน้าต่างหรือมุมที่สว่างมากขึ้นค่ะ(แต่ต้องไม่โดดแดดจัดส่องโดยตรง เนื่องจากจะเป็นสาเหตุของใบไหม้ได้ค่ะ)

5. อุณหภูมิ

หากอโลคาเซียที่เราเลี้ยงมีใบเปลี่ยนเป็นสีเหลืองและดูทรุดโทรม อาจเป็นไปได้ว่าอุณหภูมิในบริเวณที่ปลูกเลี้ยงต่ำเกินไปค่ะ เนื่องจากอโลคาเซียเป็นพืชที่เติบโตได้ดีในเขตอบอุ่น (18-29c) และไม่สามารถทนต่อความหนาวเย็น(ต่ำกว่า 13c) ฉะนั้นการปลูกเลี้ยงในสภาพอากาศที่ไม่เหมาะสมมักทำให้อโลคาเซียไม่งอกงามเท่าที่ควรค่ะ

ข้อแนะนำ : หลีกเลี่ยงการปลูกเลี้ยงในบริเวณที่มีอุณหภูมิเย็นจัด และหากต้องการย้ายไปยังที่ๆอุณหภูมิสูงขึ้นควรค่อยๆเพิ่มอุณหภูมิทีละนิดเพื่อให้ต้นอโลคาเซียได้มีการปรับตัวต่อสภาพแวดล้อมใหม่ค่ะ

6. การปนเปื้อนของน้ำ

คุณภาพของน้ำส่งผลต่อใบของอโลคาเซียได้เช่นกัน การใช้น้ำที่มีแร่ธาตุมากจนเกินไปหรือน้ำที่มีการปนเปื้อนของสารเคมีมักเป็นสาเหตุของใบจุด ใบเหลือง ปลายใบไหม้ และใบหมอง ดูไม่สดใส

ข้อแนะนำ : เลือกใช้น้ำดื่ม(ที่ไม่ใช่น้ำแร่) น้ำกรอง หรือน้ำฝน หรือหากต้องใช้น้ำประปาแนะนำให้รองใส่ภาชนะที่ไม่ปิดฝา วางทิ้งไว้ 2-3 วันเพื่อให้คลอรีนระเหยออกไปก่อนนำมาใช้งาน

7. แมลงศัตรูพืชรบกวน

แมลงศัตรูพืช สัตว์ที่เป็นต้นเหตุสร้างความเสียหายทำให้ต้นไม้แห้งเหี่ยวและตายได้ สร้างความรำคาญใจแก่นักปลูกต้นไม้หลายๆท่าน แมลงที่มักพบในพืชกลุ่มอโลคาเซียได้แก่ เพลี้ยแป้ง ไรแดง และเพลี้ยอ่อน ซึ่งกลุ่มแมลงเหล่านี้จะคอยดูดน้ำเลี้ยงจากเซลพืชส่งผลให้ใบพืชขาดน้ำและก่อให้เกิดจุดเล็กๆสีขาวหรือสีน้ำตาลบนใบ ใบซีดเหลือง และเกิดอาการใบหงิก เหี่ยวและตายในที่สุด

ข้อแนะนำ : เพื่อเป็นการป้องกันแมลงศัตรูพืช ควรหมั่นเช็ดใบด้วยผ้าชุบน้ำสะอาดอย่างสม่ำเสมอเพื่อกำจัดแมลงที่อาจติดมากับฝุ่นละอองต่างๆและคอยหมั่นสังเกตุรอยโรคตามใบ  หากพบว่ามีแมลงรบกวนแนะนำว่าควรแยกต้นที่มีแมลงรบกวนออกจากต้นอื่นๆเพื่อป้องกันการลุกลาม ใช้น้ำสะอาดล้างก้านและใบเพื่อให้แมลงหลุดออกให้ได้มากที่สุดและใช้ผ้าชุบน้ำที่ผสมกับน้ำยาล้างจานอ่อนๆเช็ดให้ทั่วทั้งใบและก้านที่พบแมลง ทำซ้ำทุกๆ 4-6 วัน ทั้งหมด 3-4 ครั้ง จนกว่าแมลงจะถูกกำจัดไปจนหมดค่ะ (วิธีนี้เป็นวิธีเบื้องต้นที่ไม่เป็นพิษต่อที่อยู่อาศัยและสิ่งแวดล้อม)

8. การให้ปุ๋ยมากจนเกินไป (ดินเค็ม)

การที่ต้นอโลคาเซียได้รับปุ๋ยมากจนเกินไปสามารถส่งผลให้ปลายใบและขอบใบไหม้ ใบเหลืองและต้นตายได้ หากเราสงสัยว่าอาการใบเหลืองของต้นอโลคาเซียที่เราปลูกเลี้ยงอาจมีที่มาจากการได้รับปุ๋ยมากจนเกินไป เราสามารถแก้ไขปัญหาดินเค็มเบื้องต้นได้โดยการรดน้ำต้นไม้ของเราให้ดินชุ่มและให้น้ำระบายทิ้งออกทางก้นกระถางเพื่อเจือจางปุ๋ยและแร่ธาตุส่วนเกินในดินทิ้งไป (สามารถทำได้ทุกๆ 1-2 เดือน) และควรเว้นระยะห่างในการให้ปุ๋ยมากขึ้น เช่น จากทุกๆ 2 เดือน เปลียนเป็นทุกๆ 3-4 เดือน และคอยสังเกตุว่าอาการใบเหลืองละใบใหม้ยังคงลุกลามหรือไม่ค่ะ และเราสามารถเลือกใช้ปุ๋ยชนิดเม็ดละลายช้าและใส่ในปริมาณที่น้อยๆก่อน โดยปุ๋ยชนิดนี้จะค่อยๆปล่อยสารอาหารแก่ดินทีละน้อยอย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันการได้รับปุ๋ยที่มากจนเกินไปค่ะ

ข้อแนะนำ : อโลคาเซียมักมีช่วงพักตัวในฤดูหนาวซึ่งมักจะไม่ต้องการการบำรุงเป็นพิเศษ ผู้ปลูกเลี้ยงสามารถเว้นการให้ปุ๋ยในช่วงนั้นไปก่อนและสามารถให้ปุ๋ยอีกครั้งหลังจากหมดช่วงพักตัวค่ะ


หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ให้กับทุกท่านเพื่อเป็นแนวทางในการปลูกเลี้ยงพืชในกลุ่ม Alocasia กันนะคะ แล้วพบกันใหม่กับบทความหน้าค่ะ

SHOPEE LOGOสนใจเข้าชมร้านค้าปลีกของเราใน Shopee 


แชร์หน้านี้
Posted by Ornusa Ongsuwan in การดูแลต้นไม้
ดอกหน้าวัว เปลี่ยนสี เกิดจากอะไรได้บ้าง!?

ดอกหน้าวัว เปลี่ยนสี เกิดจากอะไรได้บ้าง!?

ดอกหน้าวัว เปลี่ยนสี เพราะอะไรบ้าง

หน้าวัว (Anthurium andreanum) เป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดมาจากแถบอเมริกาใต้ และสามารถเติบโตได้ดีในภูมิประเทศเขตร้อน มีส่วนของฐานรองดอกที่มีสีสันสดใสคล้ายกับกลีบดอกซึ่งสีดั้งเดิมได้แก่สีแดง เหลือง และชมพู และในปัจจุบันมีการพัฒนาสายพันธุ์เพื่อให้มีสีสันที่หลากหลายมากขึ้นเช่น สีขาว สีเขียว ม่วง หรือมีหลากหลายสีในดอกเดียว ฯลฯ

อย่างไรก็ตาม ผู้ปลูกเลี้ยงหลายๆท่านมักมีคำถามว่าเพราะเหตุใดสีของดอกหน้าวัวที่เราดูแลถึ งได้มีการเปลี่ยนแปลงเป็นสีเขียวหรือซีดจางลง วันนี้เรามาไขข้อสงสัยกันค่ะ

1. อายุของดอก

อายุของดอกเป็นสาเหตุหนึ่งที่พบเห็นได้บ่อย โดยปกติแล้วดอกหน้าวัวมักจะมีสีสันสดใสยาวนานกินเวลาร่วมเดือนหากได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม อย่างไรก็ตามเมื่อตัวดอกมีอายุที่มากขึ้น (หลังจากที่ผ่านระยะเวลาหนึ่งเดือนไปแล้ว) สีของดอกมักจะซีดจางลง และอาจมีสีเขียวปรากฏขึ้นซึ่งถือเป็นเรื่องปกติค่ะ

2. การปลูกเลี้ยงในอุณหภูมิที่ไม่เหมาะสม

อุณหภูมิ ถือเป็นอีกปัจจัยสำคัญสำหรับสีสันของดอกหน้าวัว อุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับการปลูกเลี้ยงหน้าวัวจะอยู่ที่ประมาณ 25-32 องศาเซลเซียส และหากเราวางไว้ในที่ๆมีอุณหภูมิสูงกว่านั้น มักจะทำให้สีของดอกซีดจางลงได้ค่ะ

3. การได้รับแสงที่ไม่เพียงพอหรือมากจนเกินไป

การได้รับแสงที่ไม่เพียงพอ เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ดอกหน้าวัวที่ออกมาใหม่ กลายเป็นสีเขียวแทนที่จะเป็นสีสันที่สดใสตรงตามสายพันธุ์ วิธีแก้ไขสามารถทำได้โดยการเปลี่ยนสถานที่จัดวางให้มีความสว่างมากขึ้น (อาจจะวางใกล้หน้าต่างมากขึ้น แต่ไม่โดนแดดโดยตรงนะคะ) เพื่อให้ต้นหน้าวัวของเราได้รับแสงอย่างเพียงพอค่ะ

อย่างไรก็ตามหากหน้าวัวได้รับแสงที่มากจนเกินไป ก็อาจทำให้สีของดอกซีดลงได้ด้วยนะคะ กรณีนี้มักพบในหน้าวัวที่ปลูกเลี้ยงภายนอกอาคารค่ะ

4. ต้นหน้าวัวขาดความสมบูรณ์

การที่ดอกหน้าวัวที่ออกใหม่กลายเป็นสีเขียว มักเกิดมาจากการที่ต้นแม่ออกดอกในขณะที่ต้นยังไม่สมบูรณ์ ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากการที่ต้นหน้าวัวถูกเลี้ยงในสภาวะแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมเป็นเวลานาน หรือมีระยะพักตัวน้อยก่อนที่จะออกดอกใหม่ค่ะ วิธีแก้ไขสามารถทำได้โดยการเปลี่ยนสถานที่จัดวางให้มีความเหมาะสมทั้งในด้านแสง, อุณหภูมิ, และความชื้นของวัสดุปลูก และเว้นการให้ปุ๋ยเร่งดอกแก่ต้นหน้าวัวชั่วคราว (สามารถให้ปุ๋ยบำรุงสูตรเสมอแบบทั่วไปแทนได้ค่ะ) เพื่อให้ต้นหน้าวัวได้มีระยะพักตัวเพื่อสะสมสารอาหารก่อนที่จะออกดอกใหม่ค่ะ


มาถึงตอนนี้ ทุกท่านคงพอจะทราบแล้วว่ามีหลากหลายปัจจัยที่ทำให้สีสันของดอกหน้าวัวมีการเปลี่ยนแปลง หวังว่าบทความนี้จะเป็นแนวทางให้ทุกท่านได้นำไปปรับใช้กับการปลูกเลี้ยงหน้าวัว เพื่อให้ดอกหน้าวัวมีสีสันที่สดใสไปนานๆนะคะ แล้วพบกันใหม่กับบทความหน้าค่ะ


แชร์หน้านี้
Posted by Ornusa Ongsuwan in การดูแลต้นไม้
บ้านและสวนแฟร์ 2021 ที่ ไบเทค บางนา

บ้านและสวนแฟร์ 2021 ที่ ไบเทค บางนา

สวนเกษตร 32 ร่วมออกบูทที่ งานบ้านและสวน 2021

พบกับบูธของ “สวนเกษตร 32” ที่งาน “บ้านและสวนแฟร์ : select 2021” ในวันที่ 17-21 มีนาคม 2564 นี้
ที่ ไบเทค บางนา / บูธ B9-B10, B28-B29
เตรียมชม เตรียมช๊อป และเก็บภาพ บรรยากาศสวยๆ กับการตกแต่งบูธสไตล์ฮอลแลนด์ของเรา
👀 🛍 📸

พบกับสินค้ารายการพิเศษ จำนวนจำกัด ในงาน บ้านและสวนแฟร์

ในงานนี้ เราขนไม้ดอกไม้ประดับคุณภาพสูงเกรดพรีเมียม  และวัสดุปลูกคุณภาพ มานำเสนอแก่ทุกท่านเช่นเคย
และยังมีสินค้าที่เป็น Limited Edition ของเรามาจัดแสดงและจำหน่ายอีกด้วยค่ะ

  • หน้าวัวทูอินวัน (2 in 1)
  • หน้าวัวสีดำ สายพันธุ์ Love Black
  • หน้าวัวสายพันธุ์พิเศษกระถางใหญ่ 9”
  • คล้ากระถางใหญ่ 7” และ 9”
  • คล้าสายพันธุ์แคระพิเศษ Mini Makoyana
  • Alocasia Sarian
  • Alocasia Zebrina
  • Alocasia Stingray
  • Philodendron Birkin ลายด่างพิเศษ ไม่ซ้ำใคร
หน้าวัว Mystique
หน้าวัว Million Flowers Red
หน้าวัว 2-in-1
หน้าวัว Vanilla

ช้อปครบ 1,200+ บาท > รับฟรีทันที กระเป๋าผ้าสปันบอนด์ลดโลกร้อน

พิเศษ! เมื่อซื้อสินค้าครบ 1,200 บาทขึ้นไป รับฟรี กระเป๋าผ้าสปันบอนด์ลดโลกร้อน (สินค้ามีจำนวนจำกัดต่อวัน ซื้อก่อนมีสิทธิ์ก่อนนะคะ)
ต้องขอบอกว่างานนี้ยิ่งใหญ่และพิเศษจริงๆค่ะ ใครที่เป็นแฟนของ 🇹🇭สวนเกษตร 32🇹🇭 ไม่ควรพลาดนะคะ
^_^ แล้วพบกันค่ะ ^_^
ไฮเดรนเยีย
บีโกเนีย
เฟิร์นโอซาก้า
บีโกเนีย
กระเป๋าผ้าสปันบอนด์ลดโลกร้อน สวนเกษตร 32

แชร์หน้านี้
Posted by Ornusa Ongsuwan in ข่าวสาร
7 คำแนะนำ การดูแล หน้าวัวกระถาง

7 คำแนะนำ การดูแล หน้าวัวกระถาง

หน้าวัวกระถาง ดูแลยังไงดี?

การดูแล หน้าวัวกระถาง สำหรับใครที่เลี้ยง หน้าวัวกระถาง ในบ้าน เรามีวิธีดูแลต้นหน้าวัวให้สวยงามไปนานๆมาฝากค่ะ

1. ตั้งวางในที่มีแสงรำไร

ควรวางในที่มีแสงรำไร
ไม่มีแดดจัดจนเกินไป หรืออยู่ในร่มจนเกินไป

แสงสำหรับหน้าวัว

2. การรดน้ำ

  • รดน้ำวันละ 1 ครั้ง ในตอนเช้าที่บริเวณโคนต้น
  • เลือกใช้น้ำที่ไม่มีคลอรีน เช่น น้ำฝน น้ำดื่ม
  • หากต้องใช้น้ำประปา ให้รองน้ำใส่ภาชนะที่ไม่มีฝาปิด ตั้งทิ้งไว้ 2-3 วันก่อนนำมาใช้
การรดน้ำหน้าวัว

3. การให้ปุ๋ย

  • ใส่ปุ๋ยเดือนละ 1 ครั้ง หรือ 2 เดือนครั้ง ประมาณ ครึ่งช้อนชา / กระถางขนาด 7 นิ้ว
  • แนะนำให้ใช้ปุ๋ยเม็ดละลายช้า
  • ปุ๋ยสูตร 15-7-15, 16-16-16, หรือ 17-17-17 ก็ได้ค่ะ
การให้ปุ๋ยหน้าวัว

4. เพิ่มความชื้น

  • เพิ่มความชื้นในอากาศด้วยการพ่นละอองน้ำ (Foggy)
  • แนะนำให้ฉีดพ่นบริเวณใบ และโคนต้น
  • หลีกเลี่ยงการทำให้ดอกเปียก เนื่องจากอาจทำให้ปลีดอกขึ้นราได้
ความชื้นสำหรับหน้าวัว

5. จานรองกระถาง

  • ไม่ควรปล่อยให้มีน้ำขังในจานรองกระถางตลอดเวลา
  • เนื่องจากอาจทำให้รากต้นหน้าวัวเน่าได้
จานรองกระถางหน้าวัว

6. การตัดแต่ง

  • ตัดแต่งใบและดอกเก่าที่เหี่ยวออกเป็นประจำ
  • เพื่อสงวนอาหารให้กับใบและดอกใหม่
การตัดแต่งหน้าวัว

7. การย้ายกระถาง

  • ควรย้ายกระถางเมื่อต้นมีขนาดใหญ่ขึ้น
  • เลือกใช้วัสดุที่โปร่งและระบายน้ำได้ดี ใหม่ สะอาด ปราศจากเชื้อโรค
ย้ายกระถางหน้าวัว

นอกเหนือจาก 7 ข้อแนะนำข้างต้นแล้ว ท่านผู้อ่านยังสามารถดาวน์โหลด เอกสารเพิ่มเติม (PDF) เกี่ยวกับการดูแลต้นหน้าวัวได้อีกด้วย


แชร์หน้านี้
Posted by Ornusa Ongsuwan in การดูแลต้นไม้
5 คุณประโยชน์ดีๆ จากเม็ดดินเผา

5 คุณประโยชน์ดีๆ จากเม็ดดินเผา

เม็ดดินเผา คืออะไร ???

นักปลูกต้นไม้บางท่านอาจมีคำถามในใจว่า “เม็ดดินเผามวลเบา” หรือที่เรียกกันสั้นๆว่า “เม็ดดินเผา” (Clay Pebbles) นั้นคืออะไร? และเอาไว้ใช้ทำอะไรได้บ้าง?
 
👉🏻 วันนี้เรามาไขข้อสงสัยกันค่ะ

เม็ดดินเผามวลเบา (Lightweight Expanded Clay Aggregate, LECA)

เป็นวัสดุปลูกที่ทำมาจากการเผาเม็ดดินเหนียวที่อุณหภูมิสูง รูปทรงเป็นเม็ดกลม มีหลากหลายขนาด น้ำหนักเบา มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำได้ดี ไม่มีการทำปฏิกิริยากับธาตุอาหาร สามารถระบายน้ำและอากาศได้ดี มีโครงสร้างคงทนแข็งแรง ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ กากตะกอนสามารถให้ไนโตรเจน(N) และฟอสฟอรัส(P) ในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการของพืช อินทรีย์สารจะมีลักษณะใกล้เคียงกับดินที่มีความเหมาะสมต่อการปลูกพืช อีกทั้งยังสามารถนำไปล้างหรือนึ่งฆ่าเชื้อได้ จึงสามารถใช้ซ้ำได้ ไม่เป็นแหล่งสะสมของโรคและแมลงอีกด้วยค่ะ

เม็ดดินเผามวลเบา เป็นวัสดุปลูกที่ทำมาจากการเผาเม็ดดินเหนียวที่อุณหภูมิสูง รูปทรงเป็นเม็ดกลม มีหลากหลายขนาด น้ำหนักเบา มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำได้ดี ไม่มีการทำปฏิกิริยากับธาตุอาหาร สามารถระบายน้ำและอากาศได้ดี


ประโยชน์ของ “เม็ดดินเผา” ที่มักพบเจอได้บ่อยมีดังนี้ค่ะ

ใช้โรยหน้าดิน

เพื่อเพิ่มความสวยงาม ป้องกันการเจริญเติบโตของวัชพืช ลดการกระจายของดินปลูกเวลารดน้ำ และเนื่องจากเม็ดดินเผามีคุณสมบัติในการดูดซับความชื้น จึงช่วยกักเก็บความชื้นให้ผิวดิน

ใช้ผสมในดินปลูก

เม็ดดินเผาสามารถนำไปผสมในดินปลูกร่วมกับวัสดุปลูกชนิดอื่นๆได้เพื่อช่วยเพิ่มความโปร่งในดิน สำหรับพืชที่ชอบความโปร่ง อีกทั้งช่วยเก็บกักความชื้นและแร่ธาตุให้แก่พืช นอกจากนี้เม็ดดินเผายังปล่อยแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์แก่พืชอีกด้วย

ใช้เพาะเมล็ด

เนื่องด้วยคุณสมบัติที่สามารถกักเก็บความชื้นได้ดี จึงเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งในการนำมาเพาะเมล็ดค่ะ

ใช้ในการปลูกผักไฮโดรพอนิกส์

เราสามารถใช้เม็ดดินเผาในระบบไฮโดรพอนิกส์แทนการใช้เพอร์ไลท์ได้ เนื่องจากเม็ดดินเผามีน้ำหนักเบา และมีคุณสมบัติดูดซับและกักเก็บความชื้น และเรายังสามารถนำไปล้างแล้วหมุนเวียนมาใช้ซ้ำได้ด้วยค่ะ

ใช้ชำหน่อ ชำกิ่ง ชำใบ

เราสามารถใช้เม็ดดินเผามาชำหน่อพืชจำพวกกระบองเพชร หรือชำกิ่งและชำใบพืชบางประเภทที่สามารถขยายพันธ์ด้วยการชำน้ำได้ เช่น พลูด่าง ไผก่วนอิม กวักมรกต ฯลฯ เม็ดดินเผาจะช่วยประคองส่วนของกิ่ง ใบ หรือหน่อของพืชที่เราชำค่ะ


พอจะเห็นประโยชน์ของเม็ดดินเผากันไปบ้างแล้วนะคะ หากท่านสนใจซื้อเม็ดดินเผาสามารถสั่งซื้อจากร้านค้าของเราทาง Shopee ซึ่งเม็ดดินเผาของเรามีจำหน่ายทั้งหมด 3 ขนาด (S,M,L) เป็นสินค้าเกรดพรีเมียม 
✅ นำเข้าจากต่างประเทศ และวางจำหน่ายในถุงบรรจุขนาด 10 ลิตร และ 35 ลิตร แพคบรรจุอย่างดีก่อนนำส่ง 📦 คุณลูกค้าจึงสามารถมั่นใจในคุณภาพได้เลยค่ะ  

อย่างไรก็ตามขอเรียนแจ้งว่า สีและขนาดของเม็ดดินเผาจากแต่ละแหล่งหรือแต่ละยี่ห้อนั้น จะมีความแตกต่างกัน สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเม็ดดินเผาของ สวนเกษตร 32 สามารถดูเพิ่มเติมได้จาก link ต่อไปนี้เลยค่ะ


แชร์หน้านี้
Posted by Ornusa Ongsuwan in วัสดุปลูกพืช